Right Up Corner

ad left side

วันเสาร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2553

หุบป่าตาด จ.อุทัยธานี ไทย Thailand



ตั้งอยู่ที่ตำบลทุ่งนางาม เข้าทางเดียวกับกับเขาปลาร้า อยู่ก่อนถึงเขาปลาร้าประมาณ 1 กิโลเมตร ถ้ำนี้ถูกค้นพบโดยพระครูสันติธรรมโกศล (หลวงพ่อทองหยด) เจ้าอาวาสวัดถ้ำทอง เมื่อปี พ.ศ. 2522 พระครูได้ปีนลงไปในหุบเขานี้ จึงพบว่ามีต้นตาดเต็มไปหมด (ต้นตาดเป็นไม้ดึกดำบรรพ์ตระกูลเดียวกับปาล์ม) จึงเจาะปากถ้ำเพื่อเป็นทางเข้าในปี พ.ศ. 2527 ต่อมากรมป่าไม้ได้ประกาศเป็นพื้นที่อนุรักษ์ เพราะที่นี่มีสภาพทางภูมิศาสตร์ที่แปลก และมีพันธุ์ไม้หายาก

อยู่ในความดูแลของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าถ้ำประทุน และมีการจัดทำเป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะทาง 700 เมตร ใช้เวลาเดินชมประมาณครึ่งชั่วโมง ถ้ำที่เป็นทางเดินเข้าหุบป่าตาดนั้นมืดสนิท เดินไม่นานจะถึงบริเวณปล่องขนาดใหญ่ที่แสงส่องลงมาได้และจะพบป่าตาด ให้ความรู้สึกเหมือนว่าได้มาอยู่ในโลกยุคดึกดำบรรพ์ นอกจากต้นตาดแล้วที่นี่ยังพบไม้หายากพันธุ์อื่น ๆ เช่น เต่าร้าง เปล้า คัดค้าวเล็ก เป็นต้น ในบริเวณหุบเขานี้มีลักษณะคล้ายป่าดงดิบและยังมีความชุ่มชื้นสูง แสงจะส่องถึงพื้นได้เฉพาะตอนเที่ยงวัน เพราะมีเขาหินปูนสูงชันล้อมรอบ มีความร่มรื่นเหมาะแก่การเดินชมธรรมชาติ

การเตรียมตัวไปหุบป่าตาด ควรพกไฟฉายและยาทากันยุงไปด้วย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำประทุน โทร. 05698 9128

การเดินทาง จากจังหวัดอุทัยธานี ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 333 ผ่านอำเภอหนองฉาง จากนั้นต่อด้วยทางหมายเลข 3438 ทางไปอำเภอลานสักอีก 21.5 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายตามทางลาดยางอีก 6 กิโลเมตร ก็จะถึงหุบป่าตาด ซึ่งเป็นทางเดียวกับทางไปเขาปลาร้า แต่อยู่ก่อนถึงเขาปลาร้าประมาณ 1 กิโลเมตร

แผนที่

ดู หุบป่าตาด ในแผนที่ขนาดใหญ่กว่า

วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2553

หอไอเฟล Eiffel Tower ฝรั่งเศส France

ไฟล์:1985 -Tour Eiffel Paris.jpg

หอไอเฟล (ฝรั่งเศส: Tour Eiffel, ตูร์แอฟแฟล; อังกฤษ: Eiffel Tower) หอคอยโครงสร้างเหล็กตั้งอยู่บนชองป์ เดอ มารส์ บริเวณแม่น้ำแซน ในกรุงปารีส หอไอเฟลเป็นสัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศสที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ทั้งยังเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกอีกด้วย
หอไอเฟลเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยตั้งชื่อตามสถาปนิกผู้ออกแบบ "กุสตาฟ ไอเฟล" ในปี พ.ศ. 2549 นักท่องเที่ยวกว่า 6,719,200 คนได้เข้าเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ และกว่า 200,000,000 คนตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง ส่งผลให้หอไอเฟลเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีคนเข้าชมมากที่สุดต่อปีอีกด้วย หอไอเฟลมีความสูง 324 เมตร (1,063 ฟุต) (รวมเสาอากาศสูง 24 เมตร (79 ฟุต)) ซึ่งก็สูงเท่ากับตึก 81 ชั้น
เมื่อหอไอเฟลสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) หอไอเฟลกลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลกแทนที่อนุสาวรีย์วอชิงตัน และได้ครองตำแหน่งนี้มาเรื่อยๆ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2473 (ค.ศ. 1930) ก็ได้เสียตำแหน่งให้แก่ตึกไครส์เลอร์ (319 เมตร หรือ 1,047 ฟุต) ที่เพิ่งสร้างเสร็จ ปัจจุบันฟอไอเฟลสูงเป็นอันดับที่ 5 ในประเทศฝรั่งเศสและสูงที่สุดในกรุงปารีส ซึ่งอันดับสองคือหอมงต์ปาร์นาสส์ (Tour Montparnasse - 210 เมตร หรือ 689 ฟุต) ซึ่งในไม่ช้าจะถูกแทนที่โดยหออาอิกซ์อา (Tour AXA - 225.11 เมตร หรือ 738.36 ฟุต)

แผนที่

View หอไอเฟล in a larger map

หอเอน เมืองปิซา Leaning Tower of Pisa อิตาลี Italy

ไฟล์:Leaning Tower of Pisa.jpg

หอเอนเมืองปิซา (อิตาลี: Torre pendente di Pisa หรือ La Torre di Pisa, อังกฤษ: Leaning Tower of Pisa) ตั้งอยู่ที่เมืองปิซา ในจัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม (Piazza Del Duomo) หอระฆังของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เป็นหอทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว สูง 183.3 ฟุต (55.86 เมตร) น้ำหนักรวม 14,500 ตันโดยประมาณ มีบันได 293 ขั้น เอียง 3.97 องศา ยอดของหอห่างจากแนวตั้งฉาก 3.9 เมตร

แผนที่

View หอเอน เมืองปิซา in a larger map

วันอังคารที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2553

แผนงานป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม กรุงเทพมหานคร ไทย Thailand

6. โครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
                
         ปัจจุบันการก่อสร้างเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบระบายน้ำในพื้นที่เป็นไปด้วยความยากลำบาก   ถึงแม้ว่า
กรุงเทพมหานครจะได้ก่อสร้างสถานีสูบน้ำขนาดใหญ่ตามริมแม่น้ำ  ซึ่งมีขีดความสามารถระบายน้ำลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาสูง ก็ตาม   แต่ระบบระบายน้ำหลักที่เป็นเส้นทางลำเลียงน้ำมาสู่สถานีสูบน้ำมีขีดความ สามารถการระบายน้ำที่จำกัด  ได้แก่
          -   ท่อระบายน้ำที่มีอายุการใช้งานนานกว่า  20  ปี  ส่วนใหญ่มีขนาดเล็ก  หากจะก่อสร้างเพื่อเปลี่ยนขนาดใหม่ 
จะต้องใช้งบปริมาณสูง  และการก่อสร้างจะก่อให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัด
          -   คูคลองสาธารณะที่เป็นเส้นทางระบายน้ำหลักนำน้ำจากท่อระบายน้ำไปสู่สถานีสูบน้ำมีขนาดจำกัดไม่เพียงพอ
ต่อประมาณน้ำฝนที่ตกในพื้นที่   หากจะทำการขยายและปรับปรุงขุดลอกให้ลึกกว่าเดิมก็มีความยากลำบากเนื่องจาก
บ้านเรือนประชาชนปลูกที่พักอาศัยอยู่ริมฝั่งคลองเป็นจำนวนมาก   รวมทั้งพื้นที่น้ำท่วมขังบางแห่งมีระยะทางไกลจาก
สถานีสูบน้ำริมแม่น้ำมาก  ทำให้การระบายน้ำท่วมขังเป็นไปได้ช้า
          -   พื้นที่รับรองและเก็บกักน้ำชั่วคราวเพื่อป้องกันน้ำท่วม (แก้มลิง)ที่กรุงเทพมหานครได้จัดหาไว้ มีไม่เพียงพอที่จะ
รับปริมาณน้ำฝนที่ท่วมขังในพื้นที่ได้

         การแก้ไขปัญหาดังกล่าว  กรุงเทพมหานครจึงได้ก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำ  เพื่อระบายน้ำจากพื้นที่น้ำ ท่วมขังให้ระบาย ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาโดยตรง  โดยไม่ผ่านระบบระบายน้ำในปัจจุบันซึ่งมีขีด ความสามารถที่จำกัด  โดยจนถึงปัจจุบันได้มี การดำเนินการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำแล้ว  ได้แก่
         1.   โครงการก่อสร้างสถานีสูบน้ำและอุโมงค์ระบายน้ำซอยสุขุมวิท 26 โดยก่อสร้างสถานีสูบน้ำปากซอยสุขุมวิท 26  
และสร้างอุโมงค์ลอดซอยสุขุมวิท 26 ไปคลองเตย  บริเวณถนนเกษมราษฎร์  โดยก่อสร้างสถานีสูบน้ำขนาด 4 ลบ.ม./วินาที  และอุโมงค์ขนาด 1.00 ม. ยาวประมาณ 1,100 ม. งบประมาณ  30  ล้านบาท   ก่อสร้างแล้วเสร็จ เมื่อ พ.ศ. 2526
         2.   โครงการก่อสร้างระบบผันน้ำคลองเปรมประชากร  จากคลองเปรมประชากร  บริเวณบริษัทปูนซีเมนต์ไทย
ลอดใต้ถนนประชาราษฎร์ 2 ไปลงแม่น้ำเจ้าพระยา  ก่อสร้างสถานีสูบน้ำขนาด 30 ลบ.ม./วินาที  อุโมงค์ใต้ดินขนาด 3.40 ม. ยาวประมาณ 1,880 ม.  งบประมาณ 495.45 ล้านบาท  ก่อสร้างแล้วเสร็จกลางปี  2544
         3.  โครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำพื้นที่เขตพญาไท   โดยสร้างอุโมงค์รับน้ำจากถนนพหลโยธิน  ลอดใต้ซอย
พหลโยธิน 7 (อารีย์)  เก็บน้ำในบึงพิบูลวัฒนา(แก้มลิง)  และสร้างอุโมงค์ลอดหมู่บ้านพิบูลวัฒนา  คลองประปา 
ซอยระนอง 1  ไปลงคลองเปรมประชากร  โดยก่อสร้างสถานีสูบน้ำที่บึงพิบูลวัฒนา  ขนาด  6 ลบ.ม./วินาที  และสร้าง อุโมงค์ใต้ดิน ขนาด 2.40 ม. ยาวประมาณ 679 ม. และขนาด 1.50 ม. ยาวประมาณ 1,900 ม.  งบประมาณ  339.12  ล้านบาท  ก่อสร้างแล้วเสร็จเมษายน 2546
         4.   โครงการก่อสร้างสถานีสูบน้ำและอุโมงค์ระบายน้ำซอยสุขุมวิท 36   โดยก่อสร้าง สถานีสูบน้ำปากซอยสุขุมวิท 36 และสร้างอุโมงค์ลอดซอยสุขุมวิท 36  ถนนพระราม 4  ถนนทางรถไฟสายเก่าไปลงคลองเตย  โดยก่อสร้างสถานีขนาด          6 ลบ.ม./วินาที  และอุโมงค์ขนาด 1.75 ม. ยาว 1,320 ม. งบประมาณ 129 ล้านบาท  ก่อสร้างแล้วเสร็จกันยายน 2544
         5.   โครงการก่อสร้างสถานีสูบน้ำและอุโมงค์ระบายน้ำซอยสุขุมวิท 42   โดยก่อสร้างสถานีสูบน้ำปากซอยสุขุมวิท 42 และสร้างอุโมงค์ลอดซอยสุขุมวิท 42  ถนนพระราม  4  ถนนทางรถไฟสายเก่าไปลงคลองเตย โดยก่อสร้างสถานีสูบน้ำขนาด  6 ลบ.ม./วินาที  และอุโมงค์ขนาด  1.75 ม. ยาว 1,100 ม. งบประมาณ  109  ล้านบาท  ก่อสร้างแล้วเสร็จเมษายน 2545
         6. โครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำคลองแสนแสบ  และคลองลาดพร้าวลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา   จากบึงพระราม 9
ใต้คลองแสนแสบซอยสุขุมวิท 71   ถนนสุขุมวิทและคลองพระโขนง ไปลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณคลองพระโขนง ก่อสร้างสถานีสูบน้ำขนาด 60 ลบ.ม./วินาที   ก่อสร้างท่อระบายน้ำใต้ดินขนาดไม่น้อยกว่า 5.00 ม. ยาวประมาณ 5.1 กม.
งบประมาณ 2,336 ล้านบาท  ระยะเวลาก่อสร้าง 5  ปี ปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้าง  คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2550
         7.  โครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำบึงมักกะสัน  ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา    จากบึงมักกะสันลอดใต้ขนานทางรถไฟ
สายช่องนนทรีย์  ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาที่คลองขุดวัดช่องลม  โดยก่อสร้างสถานีสูบน้ำขนาด 45 ลบ.ม./วินาที  และท่อระบาย
น้ำใต้ดินขนาด 4.60 ม. ประมาณ 5.98 กม. งบประมาณค่าก่อสร้าง 2,166 ล้านบาท  ระยะเวลาก่อสร้าง 4 ปี ก่อสร้างแล้วเสร็จ เมื่อกันยายน 2550

         ถึงแม้ว่าได้มีการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำทั้ง  7 แห่ง ดังกล่าวแล้ว ก็ยังไม่เพียงพอต่อที่จะระบายน้ำท่วมขังที่ยังคงมี อยู่ในพื้นที่   ดังนั้นกรุงเทพมหานครจึงมีแผนที่จะก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำขนาดใหญ่ เพิ่มเติมอีก 2 แห่ง  แต่เนื่องจากงบ ประมาณในการก่อสร้างสูงมากจึงจะได้ดำเนินการตามลำดับต่อไป  โดยมีรายละเอียดอุโมงค์ระบายน้ำที่มีแผนจะก่อสร้าง
ดังนี้
         1.  โครงการก่อสร้างอุโมงค์ใต้คลองบางซื่อจากคลองลาดพร้าวลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาที่ ก่อสร้างสถานีสูบน้ำขนาด
60 ลบ.ม./วินาที  และอุโมงค์ใต้ดินขนาด 5.00 ม. ยาวประมาณ 6.40 กม.  งบประมาณ  2,500 ล้านบาท
         2.  โครงการก่อสร้างอุโมงค์คลองบางเขนจากคลองลาดพร้าวลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา  บริเวณปากคลองบางเขนใหม่
ก่อสร้างสถานีสูบน้ำขนาด 60 ลบ.ม./วินาที  และก่อสร้างท่อระบายน้ำใต้ดิน ขนาด 5.00 ม. ยาวประมาณ  10 กม. 
งบประมาณ 3,000 ล้านบาท

yengo ad

BumQ